รังแค เป็นแล้วไม่แคร์ไม่ได้นะ!
จะรับมือกับรังแคยังไง ให้ไม่กลับมาเป็นซ้ำ...
เรื่องของรังแค ใครจะว่าเป็นเรื่องจิ้บๆ ก็คงจะไม่ถูกต้องนะคะ รังแคไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง แต่การเกาต่างหากที่อาจทำให้ผมร่วงแบบชั่วคราวได้ รังแคไม่ใช่โรคติดต่อ แต่รังแคสร้างความรำคาญให้กับใครหลายๆ คน เพราะรังแคมักจะมาพร้อมกับอาการคันศีรษะเป็นเบื้องต้น และตามมาด้วยละอองสะเก็ดขาวๆ ที่อยู่บนศีรษะและเสื้อผ้า (ยิ่งสังเกตุได้ชัดเจนขึ้น เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้มๆ) ซึ่งก็คือเศษซากของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วนั่นเอง ทำให้ขายหน้า หรือเสียบุคลิกเป็นอย่างยิ่ง
รังแคไม่ได้เกิดเฉพาะที่บริเวณศีรษะเท่านั้น แต่ยังเกิดที่บริเวณอื่นๆ ได้อีก เช่น ขนคิ้ว ขนตา หน้าผาก หลังหู หรือแม้กระทั่งที่บริเวณหน้าอกก็เกิดรังแคได้คะ
สาเหตุของรังแคบนศีรษะนั้น พูดไปแล้วก็มีร้อยแปดพันเก้า แอดมินขอสรูปๆ แบบให้ง่ายต่อความเข้าใจได้ดังนี้คะ
- ใช้ผลิตภัณท์ทำความสะอาดเส้นผม ที่ไม่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ ผลิตภัณท์จัดแต่งทรงหรือน้ำยาโกรกสีผมที่ทำปฏิกิริยากับหนังศีรษะ อาจทำให้หนังศีรษะแห้ง และเกิดเป็นสะเก็ดหลุดร่อนออกมาได้ ช่วงที่อากาศแห้งมากๆ เช่นในฤดูหนาว ก็เป็นสาเหตุให้หนังศีรษะแห้งเป็นสะเก็ดร่อนออกมาคล้ายๆ กับรังแคได้ หรือการไม่ชอบสระผมบ่อย ก็ทำให้มีไขมันสะสมและอุดตันบนหนังศีรษะ ทำให้คัน และเมื่อเกา ผิวหนังมีการอักเสบเป็นรังแคหลุดลอกมาได้
- มีเชื้อราที่หนังศีรษะแบบไม่ได้ตั้งใจจากกิจวัตรประจำวัน เช่น เล่นกีฬาเหงื่อออก โดนฝนตกใส่ สระผมในเวลากลางคืนแล้วไม่ได้เป่าลมให้แห้ง หนังศีรษะมีความอับชื้นเมื่อผสมกับยีสต์หรือเชื้อราที่มีอยู่ในอากาศทั่วไป จึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราได้เป็นอย่างดี ทำให้เชื้อราเติบโต จนเป็นสาเหตุของ คัน รังแคตามมาได้
- ความเครียด หรือความเหนื่อยล้า ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแคขึ้นได้ เรื่องนี้ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่ความเครียดหรือความอ่อนล้า อาจทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติขึ้นได้
- มีโรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้เกิดรังแคบนหนังศีรษะได้ เช่นเป็นสิว กลาก สะเก็ดเงิน ลมชัก HIV หรือพาร์กินสัน มีการเก็บข้อมูลและพบว่าคนที่ฟื้นไข้จากโรคหัวใจวาย Stroke หรือศีรษะมีการบาดเจ็บหรือได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดรังแคขึ้นได้
กลากไม่เพียงแต่ทำให้เกิดรังแคเท่านั้น แต่ยังทำให้เส้นผมหนังศีรษะบริเวณที่เป็นกลาก หลุดร่วงได้ด้วย
แล้วเราจะรับมือกับรังแคอย่างไรดี?
1. ใช้ธรรมชาติช่วย?
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าถึงสายๆ จะช่วยฆ่าเชื้อราได้เป้นอย่างดี เพื่อนๆ ต้องระวัง อย่าให้แดดแรงเกินไปนะคะ เพราะจะได้ของแถมเป็นผิวไหม้เกรียมแถมมาด้วย
2. พึ่งพาสมุนไพร?
บ้านเรามีสมุนไพรมากมายที่มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อราได้เป็นอย่างดี เช่น ทองพันชั่ง มะกรูด มะนาว
ว่านหางจรเข้ มะคำดีควาย หรือมะละกอดิบ (ต้องระวังยางมะละกอด้วยนะคะ)
3. ขอสารเคมี หรือยา?
มาช่วยแก้ไขรังแคให้หน่อย ซึ่งหลักๆ ก็จะมี
- คีโตโคนาโซล ช่วยฆ่าเชื้อรา
- กรดซาลิไซลิก ขจัดรังแคได้ดี แต่อาจทำให้ผิวยิ่งแห้ง และคันมากยิ่งขึ้น
- เซเลเนียมซัลเฟต ช่วยชลอการก่อตัวของเศษซากเซลล์ที่ตายแล้ว และยับยั้งเชื้อรา
- ทาร์ ช่วยชลอการก่อตัวของเศษซากเซลล์ที่ตายแล้ว แต่อาจทำให้สีของเส้นผมเปลี่ยนไปได้
ข้อ 2 หรือ 3 นี้ ไม่ได้เรียงลำดับตามความรุนแรงของรังแคนะคะ เพื่อนๆ สามารถเลือกได้คะว่าอยากใช้วิธีไหนในการรับมือกับรังแค แต่การใช้สารเคมีนั้น เมื่อเพื่อนๆ กลับมาเป็นรังแคใหม่อีก จะเป็นรุนแรงและรักษายากขึ้นคะ ส่วนการใช้สมุนไพรธรรมชาตินั้น ต้องใจเย็นและใช้เวลาให้สมุนไพรได้ปรับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม และมีเพียงส่วนน้อยมากที่จะเกิดอาการแพ้สมุนไพร
4. พบแพทย์ดีมั้ย?
หากเพื่อนๆ ได้ใช้ 3 วิธีข้างต้นแล้ว อาการคัน รังแคยังไม่ทุเลา แอดมินขอแนะนำให้ไปพบแพทย์นะคะ เพราะอาการคัน รังแคดังกล่าว อาจมาจากสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ใช่เชื้อรา อาจเกิดจากโรคต่างๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้นก็เป็นได้นะคะ
อย่าลืมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะกันนะคะเพื่อนๆ เพราะเส้นผมช่วยส่งเสริมบุคลิกของทุกคนให้ดูดีขึ้นนะคะ